ลูกไอเสียงแปลก! หายใจดัง ระวัง ‘โรคครูป’ ตัวร้ายประจำหน้าฝน

ลูกไอเสียงแปลก! หายใจดัง ระวัง ‘โรคครูป’ ตัวร้ายประจำหน้าฝน ลูกไอเสียงแปลก! หายใจดัง ระวัง ‘โรคครูป’ ตัวร้ายประจำหน้าฝน ลูกไอเสียงแปลก! หายใจดัง ระวัง ‘โรคครูป’ ตัวร้ายประจำหน้าฝน

"โรคครูป" Croup คือ โรคที่เกิดจากการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจส่วนบนในบริเวณกล่องเสียง หลอดลมส่วนต้น และหลอดลมขนาดเล็ก จึงทำให้เกิดการตีบแคบของทางเดินหายใจได้ง่าย เกิดเป็นไอเสียงก้อง และเสียงหายใจเข้าดัง (Stridor) ที่มีลักษณะเฉพาะแตกต่างจากหวัดทั่ว ๆ ไป โดยมักจะพบในเด็กเล็กช่วงอายุ 6 เดือน – 3 ปี ซึ่งนอกจากโรคนี้ ก็ยังมี โรคไอกรน' ภัยเงียบ ที่คุณแม่ต้องพร้อมรับมือ

 

สาเหตุหลักของโรคครูปคืออะไร?
ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส เช่น เชื้อพาราอินฟลูเอนซา (Parainfluenza), ไวรัส อาร์ เอส วี (RSV) และ ไวรัสไข้หวัดใหญ่ (influenza)

เช็กอาการของ "โรคครูป" ให้เจ้าตัวน้อย

อาการเริ่มต้นของ "โรคครูป" มักคล้ายไข้หวัดทั่วไป เช่น ไข้ต่ำ เจ็บคอ น้ำมูกไหล และไอเล็กน้อยนำมาก่อนประมาณ 2 วัน แต่หลังจากนั้น ลูกน้อยจะเริ่มมีอาการเด่นชัดขึ้น โดยส่วนใหญ่จะมีอาการดังต่อไปนี้…

  • ไอเสียงก้อง (Barking cough) ที่มีลักษณะคล้ายเสียงสุนัขเห่า

  • หายใจเสียงดัง โดยเฉพาะช่วงหายใจเข้า จะมีเสียงหวีด (Stridor)

  • เสียงแหบ ที่เกิดจากการอักเสบของกล่องเสียง

การรักษา

โรคครูปเป็นโรคที่หายได้เอง เนื่องจากเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ส่วนใหญ่อาการจะดีขึ้นได้เองภายใน 3–7 วัน และไม่รุนแรงถึงขั้นเป็นอันตรายถึงชีวิต แต่อาจกลับมาเป็นซ้ำได้ โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศเย็นหรือฤดูฝน ในเบื้องต้นคุณแม่สามารถดูแลให้การรักษาลูกน้อยตามอาการ ดังนี้…

  • การดูแลให้ไข้ลด ด้วยการเช็ดตัว หรือ ทานยาลดไข้พาราเซตามอล

  • ให้ลูกน้อยพักผ่อนให้เพียงพอ งดการรบกวน เล่นมากไป หรือร้องไห้มากไปเพราะจะทำให้เหนื่อยง่าย

  • ดื่มน้ำสะอาดให้มาก ๆ เพื่อช่วยลดการขาดน้ำของเจ้าตัวน้อย

  • ทานอาหารอ่อน ๆ ที่ย่อยง่าย

  • อาจใช้ไอน้ำ เพื่ออาการบวมของกล่องเสียงด้วยเครื่องพ่นไอน้ำ หรืออาจจะทำเองได้ด้วยการต้มน้ำใส่อ่าง หรือเปิดน้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ ให้ไอน้ำลอยออกมา

  • ให้ลูกหยุดเรียนและพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อป้องกันการรับเชื้อจากนอกบ้านเพิ่มเติม

อาการแทรกซ้อนที่ต้องรีบพาลูกน้อยไปหาคุณหมอ
ในบางรายลูกน้อยอาจมีอาการครูปที่รุนแรง ซึ่งหากมีอาการดังต่อไปนี้ควรรีบพามาพบแพทย์โดยด่วนนะคะ

  • หายใจลำบาก หายใจเร็ว เหนื่อยหอบ กระสับกระส่าย นอนไม่ได้

  • มีเสียงหวีด (Stridor) หายใจเข้าหรือออกมีเสียงดังมาก

  • อกบุ๋มหรือบริเวณไหปลาร้าบุ๋มขณะหายใจ

  • ผิวหนังมีสีคล้ำ เช่น ริมฝีปากหรือเล็บเป็นสีม่วง ปลายมือปลายเท้าเขียวหรือซีด

  • ไข้สูงลอย ไข้ไม่ลดลงแม้ให้ยาลดไข้แล้ว

  • มีอาการขาดน้ำ เช่น ลิ้นหรือปากแห้ง ไม่ปัสสาวะ ไม่ยอมกินนมหรือน้ำ ดื่มนมหรือน้ำไม่ได้ ไม่มีแรง กระวนกระวาย 

  • ลูกน้อยมีอาการติดต่อกันนานกว่า 1 สัปดาห์ 

เนื่องจากโรคครูปสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการนัดเพื่อติดตามอาการในเด็กทุกรายภายใน 24-48 ชั่วโมง

"โรคครูป" ป้องกันได้ด้วยวิธีไหนบ้าง? มาดูกันค่ะ

โรคครูปจัดเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนเหมือนไข้หวัดทั่วไป การป้องกันจึงคล้ายกับโรคหวัดอื่น ๆ ได้แก่

  • แนะนำให้หลีกเลี่ยงพาลูกน้อยไปในที่ชุมชนแออัด เช่น สนามเด็กเล่น บ้านบอล ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น

  • ล้างมือทุกครั้งหลังจากสัมผัสกับของเล่นหรือเครื่องเล่นสาธารณะ

  • ใส่หน้ากากอนามัยให้ลูกน้อยกรณีที่คนในบ้านป่วยเพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่เชื้อไปสู่เด็ก

  • หากมีคนเจ็บป่วยไม่สบายในบ้าน แนะนำให้ใส่หน้ากากอนามัย เพื่อลดการแพร่เชื้อไปสู่ลูกน้อย

  • พยายามระวังรักษาสุขภาพร่างกายของลูกน้อยให้แข็งแรง เพื่อไม่ให้ลูกป่วยเป็นไข้หวัดได้ง่าย ด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ และฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันการติดเชื้อ เช่น วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่

"โรคครูป" เป็นโรคที่หายได้เองเป็นส่วนใหญ่ คุณแม่สามารถดูแลอาการและการรักษาอย่างเหมาะสมเบื้องต้น ลูกน้อยก็จะสามารถฟื้นตัวได้อย่างปลอดภัยค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจากคุณหมอแอน พญ.ปิยะรัตน์ เลิศบรรณพงษ์ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ติดตามเราได้ที่ :

Facbook Babylove Youtube Babylove IG Babylove subscribe

บริษัท ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

© 2016 DSG International (Thailand) PLC. All rights reserved.