คุณพ่อคุณแม่ทราบหรือไม่ว่าเจ้าตัวน้อยก็สามารถเป็น “ไซนัสอักเสบ” ได้เช่นเดียวกันกับผู้ใหญ่ และหลายครั้งที่อาการของหวัด ไซนัสอักเสบ และภูมิแพ้ จะคล้ายกันมากจนยากที่จะแยกได้ ซึ่งหาก ลูกบ้านไหนมีน้ำมูกสีเขียว คุณแม่รู้ไหมคะว่าอาจบอกโรคมากกว่าที่คิด แล้วแม่จะแยกอาการหรือสังเกตลูกได้อย่างไรบ้าง ต้องตามไปอ่านข้อมูลเรื่องไซนัสอักเสบในเด็กกันต่อค่ะ
ทำความเข้าใจโรคไซนัสอักเสบในเด็ก
- ไซนัส คืออะไรนะ?
ไซนัส คือ โพรงอากาศที่อยู่ในกะโหลกศีรษะ ซึ่งจะอยู่บริเวณที่หัวคิ้ว ขอบจมูก และโหนกแก้ม โดยโพรงอากาศนี้จะสร้างเมือกและภูมิคุ้มกันให้ไหลออกมาทางรูเล็ก ๆ เข้าไปในโพรงจมูก เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและป้องกันโรคให้แก่โพรงจมูกนั่นเองค่ะ
- เอ๊ะ! แล้วไซนัสอักเสบเกิดจากสาเหตุใด?
เมื่อจมูกเกิดอาการบวมไม่ว่าจะมาจากอาการหวัด ,จมูกอักเสบ ,ภูมิแพ้ ,ต่อมอะดีนอยด์โต หรืออาจมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในจมูก ก็จะทำให้ช่องติดต่อระหว่างโพรงไซนัสและจมูกดังกล่าวอุดตันและเกิดการคั่งค้างของน้ำเมือกในโพรงไซนัส และเมื่อมีเชื้อโรคจากจมูกเข้าสู่โพรงไซนัสก็จะทำให้เกิดการติดเชื้อของโพรงไซนัสและมีหนองเกิดขึ้น เรียกว่าโรค “ไซนัสอักเสบ”
- มาดูกันว่า “ไซนัสอักเสบ” กับ “หวัด” แตกต่างกันหรือไม่?
หวัดกับไซนัสจะมีอาการที่คล้าย ๆ กัน โดยหวัดมักจะเริ่มด้วยอาการไข้ ไอ น้ำมูกใส ๆ คัดจมูก เมื่ออาการของหวัดไม่ดีขึ้น จนเวลาผ่านไปทำให้เกิดโพรงไซนัสอักเสบ ก็จะเกิดอาการน้ำมูกไหลที่ไม่ดีขึ้น โดยสีของน้ำมูกนั้นอาจจะเป็นน้ำมูกสีเขียว เหลือง หรือขาวเป็นมูก มีอาการไอแย่ลงจากเมือกหรือหนองของไซนัสไหลลงคอไปกระตุ้นให้เจ้าตัวน้อยเกิดอาการไอ โดยเฉพาะตอนนอนเวลากลางคืน ลมหายใจของลูกจะมีกลิ่นเหม็น
- ชวนคุณแม่เช็กอาการ ‘ไซนัสอักเสบ’ ให้เจ้าตัวน้อย
อาการโดยทั่วไปของลูกจะมีอาการคัดจมูก มีน้ำมูกสีเขียว หรือเหลือง หายใจมีกลิ่นเหม็น ปวดศีรษะ เสมหะข้นไหลลงคอ ไอบ่อย ลูกน้อยบางคนก็อาจจะมีเลือดออกทางจมูก ปวดแก้ม ปวดฟันกรามแถวบน ปวดจมูก ปวดหน้าผาก ปวดขมับ ปวดท้ายทอย หนัก ๆ ที่บริเวณหัว โดยคุณหมอจะให้การวินิจฉัยโรคไซนัสอักเสบ เมื่อมีอาการดังนี้…
- เจ้าตัวน้อยมีอาการของไข้หวัดคงที่นานมากกว่า 10 วัน และอาการเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ หรือมีอาการไข้หวัดนานมากกว่า 14 วัน ที่ยังไม่ดีขึ้น และมีอาการคัดจมูก น้ำมูก ไอ โดยเฉพาะเวลากลางคืน ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น ปวดศีรษะ เจ็บคอ หน้าบวม ไข้ต่ำ ๆ โดยมีอาการปวดศีรษะ และปวดหรือเคาะแล้วเจ็บบริเวณไซนัส
- มีไข้สูงมากกว่าปกติ เช่น สูงถึง 39 องศาเซลเซียส ร่วมกับ มีน้ำมูกสีเหลืองอย่างน้อย 3 – 4 วัน หรือมีอาการปวดบวมบริเวณใบหน้า
- อาการหวัดแย่ลงหรือมีอาการเกิดขึ้นมาใหม่ หลังจากติดเชื้อไวรัสทางทางเดินหายใจส่วนบนมาประมาณ 5 – 6 วัน เช่น มีไข้ที่เป็นขึ้นมาใหม่ น้ำมูก ไอ หรืออาการปวดศีรษะเพิ่มมากขึ้น
วิธีดูแลเมื่อเจ้าตัวน้อยเป็น ‘ไซนัสอักเสบ’
- การให้ยาฆ่าปฏิชีวนะ ตามคำแนะนำของคุณหมอ โดยคุณหมอจะเป็นผู้ประเมินการใช้ยาเหล่านี้ตามความเหมาะสมในเด็กแต่ละคน ระยะเวลาในการใช้ยา อาจจะให้นานถึง 3 - 6 สัปดาห์ ซึ่งจะต้องรักษาจนหนองหมดไปจากโพรงไซนัส
- การทำให้โพรงจมูกที่บวมยุบลง เพื่อให้หนองในโพรงไซนัสไหลถ่ายเทออกมาให้หมด โดยการล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ การใช้ยาพ่นจมูกสเตียรอยด์ หรือยาลดบวม
- การหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น ดังนี้…
- หลีกเลี่ยงสารแพ้จากไรฝุ่น เพราะโรคไซนัสอักเสบส่วนหนึ่งเกิดจากโรคภูมิแพ้ของจมูก ซึ่งจะทำให้จมูกบวมและมีอาการติดเชื้อตามมา
- หลีกเลี่ยงการพาเจ้าตัวน้อยไปอยู่ในที่ที่มีควันบุหรี่ เพราะควันบุหรี่จะทำให้จมูกบวมอักเสบได้
- หลีกเลี่ยงสถานที่ที่แออัด เพื่อเลี่ยงการติดเชื้อจากคนรอบข้าง - หลีกเลี่ยงการพาเจ้าตัวน้อยไปว่ายน้ำในสระที่ไม่สะอาด
ขอบคุณข้อมูลจากคุณหมอแอน พญ.ปิยะรัตน์ เลิศบรรณพงษ์ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ .
ใส่ใจเรื่องการดูแลสุขภาพลูกน้อยแล้ว การดูแลเรื่องการขับถ่ายก็ไม่ควรมองข้าม เราขอแนะนำผ้าอ้อมคุณภาพพรีเมียม ที่ซึมซับไวขึ้น 150%* แห้งไว สบายทันที ทำให้ลูกน้อยสบายตัว ไม่ต้องกลัวรั่วซึม นาทีนี้ต้อง ‘เบบี้เลิฟ เพลย์แพ้นท์ พรีเมียม’ สูตรใหม่!
ตามไปสัมผัสผ้าอ้อมคุณภาพพรีเมียม ในราคาไม่แรงได้ที่ BabyLove Online Shop
*เปรียบเทียบกับสูตรก่อนหน้า
วันที่สร้าง 21/10/2024