Q & A ความเชื่อกับคุณแม่ตั้งครรภ์

Q & A ความเชื่อกับคุณแม่ตั้งครรภ์ Q & A ความเชื่อกับคุณแม่ตั้งครรภ์ Q & A ความเชื่อกับคุณแม่ตั้งครรภ์

          ในช่วงที่กำลังตั้งครรภ์ คุณแม่หลานคนอาจจะเคยได้ยินญาติผู้ใหญ่หรือคนใกล้ชิดให้คำแนะนำและเคล็ดลับต่างๆ ด้วยความหวังดี โดยบางเรื่องอาจมีพื้นฐานจากความเชื่อที่ได้รับรู้ต่อๆ กันมา ซึ่งความเชื่อบางอย่างอาจขัดกับความจริงที่สามารถพิสูจน์ได้ ดังนั้น ก่อนที่จะรับข้อมูลมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิต เรามาดูกันก่อนดีกว่าค่ะ ว่าความเชื่อแต่ละเรื่องมีฐานบนข้อเท็จจริงอย่างไร

 

Q: จริงหรือไม่เมื่อตั้งครรภ์แล้วจะอยากกินแต่ของเปรี้ยวของดอง?
A: เรื่องนี้ไม่แน่เสมอไปค่ะ แต่ข้อสันนิษฐานที่เป็นไปได้คือ เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ฮอร์โมนในร่างกายจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจมีผลต่อการรับรู้รสชาติ หรือเกิดอาการเบื่ออาหารได้ อาหารที่เคยชอบก็ไม่ชอบขึ้นมา หรือรู้สึกอยากกินอาหารที่แปลกไปจากปกติ รวมถึงอาการเวียนหัวคลื่นไส้ที่มักจะแก้ได้ด้วยการรับประทานอาหารรสเปรี้ยวๆ แต่ก็มีกรณีที่คุณแม่ตั้งครรภ์นั้นไม่มีอาการแพ้ท้องใดๆ เลย สามารถรับประทานอาหารได้ปกติดีทุกอย่าง สรุปว่า ความอยากกินของเปรี้ยวของดองนั้นเป็นอาการเฉพาะกับบางคนเท่านั้นค่ะ

 

Q: จริงหรือไม่เมื่อตั้งครรภ์แล้วคุณแม่มักจะฟันผุ
A: ข้อเท็จจริงก็คือ ในช่วงตั้งครรภ์ ร่างกายของคุณแม่จะต้องการแคลเซียมเพื่อใช้สำหรับการพัฒนาโครงสร้างกระดูกของทารกในครรภ์ (แต่ไม่ว่าแม่จะบำรุงแคลเซียมมากหรือน้อย ลูกก็ได้รับแคลเซียมไปสร้างกระดูกได้พอๆ กันค่ะ) คุณแม่ควรรับประทานอาหารให้ได้สารอาหารแคลเซียมเพิ่มเป็นพิเศษ (หญิงตั้งครรภ์ต้องการแคลเซียม 1,200 มิลลิกรัมต่อวัน) เพื่อจะได้มีแคลเซียมสะสมมากพอที่จะให้ลูกดึงไปใช้ และมากพอสำหรับเสริมสร้างกระดูกและฟันของแม่ให้แข็งแรงในระยะยาวไม่เป็นโรคกระดูกพรุนในภายหลัง ส่วนการฟันผุระหว่างตั้งครรภ์น่าจะยังไม่เกี่ยวกับการดึงแคลเซียมไปใช้ในช่วงนี้นะคะ คุณแม่ควรบริโภคอาหารให้ครบ 5 หมู่และรักษาความสะอาดของฟันอยู่เสมอค่ะ

 

Q: จริงหรือไม่ เมื่อตั้งครรภ์ แพ้ท้อง 3 เดือนแรกแล้วก็หาย
A: อาการแพ้ท้องเป็นอาการตามธรรมชาติที่ยังไม่มีสามารถระบุได้แน่ชัดว่าทำไมบางคนถึงได้แพ้ท้องมากกว่าหรือน้อยกว่า หรือบางคนก็ไม่มีอาการแพ้ท้องเลย ข้อมูลจากคุณหมอวิทยา ถิฐาพันธ์ จากภาควิชาสูติศาสตร์ – นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ระบุว่า “การแพ้ท้องน่าจะเป็นกลไกของร่างกายคุณแม่ที่จะปฎิเสธสิ่งที่คุณแม่จะกินเข้าไปทุกชนิดเพราะกลัวว่าจะไปทำอันตรายต่อตัวลูกน้อยในท้อง เหตุที่เชื่อเช่นนั้นก็เพราะพบว่าส่วนมากแล้วช่วงเวลาที่คุณแม่แพ้ท้องมักจะเป็นช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ลูกกำลังมีการสร้างอวัยวะต่างๆ มากมาย ภายหลัง 3 เดือนไปแล้ว การสร้างอวัยวะต่างๆจะเสร็จสิ้นเกือบหมดแล้ว การแพ้ท้องก็มักจะหายตามไปด้วย” อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงข้อสันนิษฐานเท่านั้นค่ะ ขอให้รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ทำจิตใจให้แจ่มใส รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ถ้ารู้สึกคลื่นไส้อาเจียนจากอาการแพ้ท้องควรใช้วิธีรับประทานอาหารทีละนิด แต่ทานบ่อยๆ แต่ถ้าแพ้ท้องหนักมากจนรับประทานอะไรไม่ได้เลยเป็นระยะเวลายาวนานติดต่อกันควรปรึกษาคุณหมอเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมค่ะ

 

Q: จริงหรือไม่ ถ้าอยากให้ลูกเกิดมาตัวขาวใสไม่มีไข ต้องดื่มน้ำมะพร้าวตอนท้องเยอะๆ
A: ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์หรืองานวิจัยมายืนยันว่าการดื่มน้ำมะพร้าวมีผลกับสีผิวและการเกิดไขตามร่างกายของทารกค่ะ แต่สิ่งที่ยืนยันได้ตามหลักวิทยาศาสตร์คือ สีผิวของทารกนั้นเป็นผลจากพันธุกรรมของคุณพ่อและคุณแม่ ฉะนั้น การดื่มน้ำมะพร้าวเยอะๆ จึงไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับสีผิวและไขของทารกแต่อย่างใด นอกจากนี้ การดื่มน้ำมะพร้าวเยอะมากเกินไปอาจทำให้คุณแม่ได้รับปริมาณน้ำตาลสูงเกินไป ควรดื่มแต่พอดีจึงจะมีประโยชน์ค่ะ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.lisaguru.com, http://www.anamai.moph.go.thhttp://www.si.mahidol.ac.th

บริษัท ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

© 2016 DSG International (Thailand) PLC. All rights reserved.