ช่วงฤดูฝนเป็นช่วงที่มีการระบาดของไวรัสมากมายหลายชนิด จนหลาย ๆ โรงเรียนอาจต้องประกาศให้นักเรียนบางชั้นหยุดเรียนกันเลยทีเดียว โดยหนึ่งในโรคระบาดที่พบได้บ่อยและสามารถเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย นั่นก็คือ โรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเป็นโรคที่สามารถพบได้ตลอดปีโดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนและหน้าหนาว เช่นเดียวกับ ฝนนี้คุณหมอชวนป้องกัน! ‘โรคไอพีดี’ ที่แม่ ๆ ต้องรู้ ซึ่งเป็นแล้วอาจมีอาการรุนแรงเช่นกัน ดังนั้นอย่ารอช้า รีบมาทำความรู้จัก ‘ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A’ กับคุณหมอกันเลย
สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อ Influenza Virus ซึ่งเชื้อไวรัสนี้จะอยู่ในน้ำมูก น้ำลาย หรือเสมหะของผู้ป่วย ซึ่งเจ้าตัวน้อยสามารถติดต่อผ่านการไอ จาม หรือการหายใจรดกัน
ไข้หวัดใหญ่มีหลายสายพันธุ์ โดยจะแบ่งออกเป็น 3 ตระกูลใหญ่ ๆ ได้แก่
- ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ เอ (Influenza A) เช่น H1N1 และ H3N2
- ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ บี (Influenza B)
- ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ ซี (Influenza C)
ปัจจุบันเราพบการเจ็บป่วยจากสายพันธุ์ A H3N2 มากที่สุด และพบสายพันธุ์ B รองลงมา ส่วนสายพันธุ์ C พบได้น้อยมาก ๆ โดยเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่นั้น มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ที่ระบาดกันเกือบทุกปี โดยบางครั้งอาจจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นสายพันธุ์ที่รุนแรงได้ เช่น H5N1 หรือไข้หวัดนก และ H1N1 หรือไข้หวัด 2009
ไขข้อสงสัย ‘ไข้หวัดปกติ’ กับ ‘ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A’ ต่างกันอย่างไร?
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A จะมีอาการใกล้เคียงกันกับโรคไข้หวัดทั่วไป แต่จะมีอาการรุนแรงมากกว่ามาก เช่น
- มีไข้สูงลอย 39-40 องศา และไข้มักจะไม่ลดลงแม้ให้ลูกทานยาลดไข้แล้ว
- ปวดเมื่อยตามตัว ปวดศีรษะมาก - อ่อนเพลียมาก ไม่มีแรง อยากนอนตลอดเวลา
- ในเจ้าตัวน้อยอาจพบอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย
- มีน้ำมูกใส ๆ ไหลออกมา ไอ เจ็บคอ
- อาจมีภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อย ได้แก่ หูชั้นกลางอักเสบ , หลอดลมอักเสบและปอดอักเสบ ซึ่งมักพบในผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น กลุ่มเด็กอายุน้อยกว่า 2 ปี , เด็กที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง ได้แก่ โรคหัวใจ โรคปอด โรคหอบหืด โรคเบาหวาน โรคธาลัสซีเมีย โรคมะเร็ง โรคอ้วน เป็นต้น
วิธีดูแลเบื้องต้นเมื่อเจ้าตัวน้อยติด ‘ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A’
- ไข้หวัดใหญ่สามารถหายเองได้ หากอาการไม่รุนแรง
- ในรายที่มีความเสี่ยงสูงที่เกิดอาการรุนแรงของโรค คุณหมอจะพิจารณาให้ยาต้านไวรัส (Oseltamivir) ได้ ซึ่งจะมีประสิทธิภาพดี หากได้รับยาภายใน 48 ชั่วโมง หลังมีอาการ
- ให้ยารักษาตามอาการของเจ้าตัวน้อย เพื่อบรรเทาอาการต่าง ๆ ที่ทำให้ลูกไม่สบายตัว เช่น ยาลดน้ำมูก ยาละลายเสมหะ ยาลดไข้ ยาพ่นแก้คัดจมูก เป็นต้น
การป้องกันเจ้าตัวน้อยให้ห่างไกลจาก ‘ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A’
- ล้างมือด้วยน้ำและสบู่อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะก่อนทานอาหารหรือหลังจากที่พาเจ้าตัวน้อยออกไปนอกบ้าน
- สวมหน้ากากอนามัย เมื่ออยู่กับผู้อื่น
- ปิดจมูก ปาก ทุกครั้งที่ไอ จาม ทิ้งทิชชู่ลงในถังขยะที่มีฝาปิดมิดชิด แล้วล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่
- พยายามให้เจ้าตัวน้อยหลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้ที่ป่วยไข้หวัดใหญ่
- หลีกเลี่ยงการพาเจ้าตัวน้อยไปสถานที่แออัด
- ไม่ใช้แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ ช้อนอาหาร ผ้าเช็ดมือ ผ้าเช็ดหน้าร่วมกับผู้อื่น โดยเฉพาะผู้ที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่
- ใช้ช้อนกลางทุกครั้ง เมื่อทานอาหารร่วมกับผู้อื่น
- หากลูกป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ ควรหยุดเรียน เป็นเวลา 3-7 วัน เพื่อลดการแพร่ระบาด
- พาเจ้าตัวน้อยไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งสามารถฉีดได้ตั้งแต่ อายุ 6 เดือน โดยฉีดปีละ 1 ครั้ง ซึ่งวัคซีนจะมีประสิทธิภาพประมาณ 40 - 60% ในเด็กที่อายุน้อยกว่า 9 ปี กรณีเริ่มให้วัคซีนเป็นปีแรก จะฉีด 2 ครั้ง ครั้งละ 1 เข็ม ห่างกัน 1 เดือน เนื่องจากวัคซีนจะมีการเปลี่ยนสายพันธุ์ที่เป็นองค์ประกอบทุกปี จึงต้องฉีดทุกปี และแนะนำให้ฉีดในช่วงก่อนที่จะมีการระบาด เช่น ตั้งแต่เดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม
ขอบคุณข้อมูลจากคุณหมอแอน พญ.ปิยะรัตน์ เลิศบรรณพงษ์ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ดูแลเรื่องโรคภัยไข้เจ็บในด้านสุขภาพร่างกายกันไปแล้ว เรื่องสุขอนามัยการขับถ่ายของเจ้าตัวน้อยก็สำคัญไม่แพ้กัน มาดูแลด้วย ‘ผ้าอ้อมเบบี้เลิฟ เดย์ไนท์ แพ้นท์’ สูตรใหม่ ที่มี Active Diamond Sheet ช่วยกระจายของเหลวได้ดียิ่งขึ้น ช่วยให้ผ้าอ้อมคงรูป ไม่ห้อยตุง3 ใช้คุ้มเต็มแผ่น และอย่าลืมเปลี่ยนผ้าอ้อมทุก ๆ 3-4 ชั่วโมง เพื่อสุขอนามัยที่ดีด้วยนะคะ
ตามไปช้อปผ้าอ้อมที่ใช้คุ้มเต็มแผ่น แบบได้ส่วนลดและของแถมฟรีที่ BabyLove Online Shop
(3) จากผลการทดสอบความพึงพอใจกลุ่มตัวอย่างผู้บริโภค โดยฝ่ายวิจัยและพัฒนา บริษัทยูนิ-ชาร์ม (ประเทศไทย) เมษายน 2566
วันที่สร้าง 23/09/2024