ร้อนนี้ต้องระวัง! ‘อาหารเป็นพิษในเด็ก’

ร้อนนี้ต้องระวัง! ‘อาหารเป็นพิษในเด็ก’ ร้อนนี้ต้องระวัง! ‘อาหารเป็นพิษในเด็ก’ ร้อนนี้ต้องระวัง! ‘อาหารเป็นพิษในเด็ก’

ร้อนนี้ระวัง! เพื่อนหมอชวนเช็กอาการ ‘อาหารเป็นพิษในเด็ก’

‘อาหารเป็นพิษในเด็ก’ คือ ภาวะที่เกิดจากการทานอาหารหรือน้ำที่มีการปนเปื้อนของเชื้อโรคเข้าไปในร่างกาย ซึ่งในเด็กเล็ก โดยเฉพาะอายุต่ำกว่า 5 ปี มีโอกาสป่วยเป็นโรคนี้สูงกว่าในช่วงวัยอื่น เนื่องจากเด็กในช่วงวัยนี้ระบบภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรงมากพอที่จะต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ ได้เท่ากับช่วงวัยอื่น และมักจะมีอาการรุนแรงกว่าแม้จะติดเชื้อเดียวกันกับผู้ใหญ่ ซึ่งในช่วงหน้าร้อนก็ยังมี โรคฮีทสโตรก ที่ต้องระวังเช่นกัน คุณแม่สามารถดูแลได้ด้วย “8 วิธีป้องกันลูกน้อย จาก 'ฮีทสโตรก'”

สาเหตุอะไรบ้างนะ? ที่ทำให้เกิด ‘อาหารเป็นพิษในเด็ก’
​โรคท้องเสียที่พบในเด็กมีสาเหตุหลักมาจากการติดเชื้อไวรัส รองลงมาคือการติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้ออื่น ๆ เช่น เชื้อปรสิต หรือสารพิษที่สร้างขึ้นจากแบคทีเรีย โดยจะมีระยะฟักตัวส่วนใหญ่ประมาณ 1 - 3 วัน โดยเชื้อโรคอาจจะเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง เช่น จากการทานอาหารที่ไม่สะอาด หรือมือที่ไม่สะอาด เจ้าตัวน้อยหยิบจับอาหารหรือเอามือเข้าปาก หรืออาจมากับของเล่นที่ไม่สะอาดแล้วเค้าเอาไปอมเข้าปากก็ได้ค่ะ

อาหารประเภทไหนบ้างที่ต้องระวังให้เจ้าตัวน้อยมากเป็นพิเศษ

  1. นมที่ทิ้งไว้นานแล้ว เช่น บางครั้งลูกทานนมไม่หมดในครั้งเดียว คุณแม่ควรเก็บนมไว้ไม่เกิน 2ชั่วโมง หากยังทานไม่หมดควรทิ้งไปนะคะ
  2. อาหารดิบ หรือกึ่งสุกกึ่งดิบ เช่น เนื้อสัตว์ดิบ อาหารทะเล ซูชิ ไข่ดิบ นมและผลิตภัณฑ์จากนมที่ยังไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ
  3. น้ำแข็ง, น้ำแข็งใส หรือน้ำเปล่าที่ไม่สะอาด
  4. น้ำผึ้ง
  5. ผัก ผลไม้สดที่ล้างไม่สะอาด
  6. อาหารกระป๋อง หรืออาหารซองที่หมดอายุ

เช็กอาการ ‘อาหารเป็นพิษในเด็ก’ ที่พบได้บ่อย

  1. เจ้าตัวน้อยมีอาการคลื่นไส้ 
  2. ปวดท้อง
  3. ท้องเสีย ถ่ายเหลวเป็นน้ำหรือมีมูกเลือด จนบางครั้งเจ้าตัวน้อยอาจถ่ายมากจนมีอาการก้นแดงได้ค่ะ 
  4. มีไข้
    ​ในบางครั้งลูกอาจมีเพียงแค่อาการใดอาการหนึ่งก็ได้ เช่น ท้องเสียอย่างเดียว โดยไม่มีภาวะอาเจียนร่วมด้วยก็ได้

อาการไหนที่ควรรีบพาลูกไปพบแพทย์
โดยทั่วไปโรคท้องเสียส่วนใหญ่มักมีอาการไม่รุนแรงสามารถหายได้เอง ซึ่งหากเจ้าตัวน้อยมีอาการดังนี้ควรรีบพาไปหาหมอ

  1. ไข้ขึ้นสูง ซึม หรือมีอาการชัก
  2. ถ่ายอุจจาระเป็นมูกหรือมูกเลือด
  3. อาเจียนบ่อยมากจนมีอาการขาดน้ำ
  4. ไม่ยอมดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ทุกชนิดและ/หรือไม่ยอมดื่มนมหรือกินอาหาร
  5. ดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่แล้วแต่เจ้าตัวน้อยยังดูมีอาการเพลียหรือซึมอยู่
  6. ถ่ายอุจจาระเป็นน้ำ มากกว่า 10 ครั้งต่อวัน
  7. ปัสสาวะลดลง หรือไม่ปัสสาวะเลยเกิน 6-8 ชั่วโมง


​วิธีป้องกัน ‘อาหารเป็นพิษในเด็ก’
ก็คือการรักษาความสะอาดเพื่อกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าปาก

  1. คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง ก่อนจะหยิบจับอาหารหรือชงนมให้เจ้าตัวน้อย
  2. ล้างทำความสะอาดขวดนม , จุกนม หลังการใช้ทันที และฆ่าเชื้อโดยการต้มจนเดือดอย่างน้อย 10 - 15 นาที
  3. ถ้ายังทานนมไม่หมดควรมีฝาครอบจุกให้มิดชิดและไม่ควรทิ้งไว้นานเกิน 2 ชม.
  4. ในเด็กโตที่ทานอาหารอื่นต้องเป็นอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ๆ มีภาชนะปิดมิดชิด ทำความสะอาดภาชนะที่ใส่เช่น จาน , ชาม , ช้อน
  5. อย่าลืมล้างมือให้เด็กบ่อย ๆ เพราะในวัยนี้จะชอบเอาของหรือมือตัวเองเข้าปาก ซึ่งจะเป็นการนำเอาเชื้อโรคเข้าตัวเองนั่นเองค่ะ
  6. ของเล่นที่สามารถล้างทำความสะอาดได้ก็ควรนำไปล้าง แต่บางชนิดที่ไม่สามารถทำความสะอาดได้ก็ควรทิ้งหรือเปลี่ยนใหม่

วิธีการดูแลเจ้าตัวน้อยในเบื้องต้น
การดูแลรักษาที่สำคัญคือ การให้เจ้าตัวน้อยกินน้ำเกลือแร่ชดเชยที่สูญเสียไปทางอุจจาระและอาเจียน โดยปกติไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ หรือยาฆ่าเชื้อ ในกรณีท้องเสียที่ไม่รุนแรง เช่น เจ้าตัวน้อยมีอาการอาเจียนไม่มาก ยังพอกินน้ำหรืออาหารเหลวหรืออาหารอ่อน ๆ ได้ จะแนะนำให้ดูแลดังนี้…

  1. เจ้าตัวน้อยที่เลี้ยงด้วยนมมารดา ควรให้นมมารดาต่อไป โดยให้ดูดนมบ่อยขึ้นกว่าปกติ
  2. เจ้าตัวน้อยที่เลี้ยงด้วยนมผสม อาจเปลี่ยนเป็นสูตรไม่มีน้ำตาลแลคโตสชั่วคราว
  3. ในเด็กโตให้อาหารอ่อน ๆ ที่ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม , โจ๊ก ที่ไม่มัน โดยให้ทานทีละน้อย ๆ แต่อาจต้องเพิ่มให้บ่อยกว่าปกติ
    ถ้าลูกน้อยสามารถดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่และทานอาหารหรือนมได้ ถึงแม้จะยังถ่ายอยู่ แต่ไม่มีอาการอ่อนเพลีย และดูสดใสขึ้น แสดงว่าสามารถทดแทนการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ได้ด้วยสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ทันและพอเพียง ก็จะให้ดื่มต่อไปจนกว่าจะหยุดถ่าย แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้นใน 2 – 3 วัน ควรไปพบแพทย์เพื่อให้การรักษาต่อไปค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจากคุณหมอแอน พญ.ปิยะรัตน์ เลิศบรรณพงษ์ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 
ดูแลเรื่องโรคภัยไข้เจ็บกันไปแล้ว อย่าลืมเลือกผ้าอ้อมให้เหมาะกับช่วงหน้าร้อน ซึ่งในช่วงนี้ควรเลือกผ้าอ้อมที่แห้งไวสบายทันที! ซึมซับไวขึ้นถึง 150%(3) ด้วยแผ่นซูเปอร์ ดราย ไดมอนด์ ชีท เราแนะนำ ‘ผ้าอ้อมเบบี้เลิฟ เพลย์แพ้นท์ พรีเมียม’ สูตรใหม่!  ตามไปช้อปผ้าอ้อมคุณภาพพรีเมียม ในราคาน่าเลิฟได้ที่ BabyLove Online Shop
(3) เปรียบเทียบกับสูตรก่อนหน้า

ติดตามเราได้ที่ :

Facbook Babylove Youtube Babylove IG Babylove subscribe

บริษัท ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

© 2016 DSG International (Thailand) PLC. All rights reserved.