เด็กหลายคนมักมีอาการเจ็บคอเป็น ๆ หาย ๆ บางครั้งมีไข้ กลืนลำบาก หรือเสียงเปลี่ยน จนคุณพ่อคุณแม่อาจคิดว่าเป็นเพียงแค่อาการหวัดธรรมดา แต่ในบางกรณี “อาการเจ็บคอบ่อย” อาจเป็นสัญญาณของ ต่อมทอนซิลอักเสบ ซึ่งเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในเด็ก ซึ่ง “ต่อมทอนซิล” เป็นหนึ่งในกลไกป้องกันเชื้อโรคของร่างกาย แต่เมื่อเกิดการติดเชื้อซ้ำ ๆ ก็อาจทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง จนกระทบต่อสุขภาพและพัฒนาการของลูกน้อยได้ วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับต่อมทอนซิลให้มากขึ้น ว่ามีหน้าที่อะไร สาเหตุที่ทำให้อักเสบคืออะไร ควรดูแลเจ้าตัวน้อยอย่างไรบ้าง และนอกจากนี้ยังต้องระวัง ‘โรคไอกรน' ภัยเงียบ ที่คุณแม่ต้องพร้อมรับมือ”
‘ต่อมทอนซิล’ คืออะไร? คุณหมอจะพาไปทำความรู้จักกันค่ะ
ต่อมทอนซิลเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกายที่อยู่บริเวณในลำคอ โดยจะอยู่บริเวณด้านข้างของในลำคอทั้ง 2 ข้าง ด้านซ้ายและด้านขวา ต่อมทอนซิลนั้นจัดเป็นต่อมน้ำเหลือง เป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย มีหน้าที่คอยดักจับเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ที่เข้าสู่ร่างกายทางช่องปาก จึงทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันทางเดินหายใจส่วนล่างและปกป้องการติดเชื้อที่จะเข้าสู่ทางเดินอาหารของลูกน้อยได้
โรคต่อมทอนซิลอักเสบมักจะพบได้บ่อยในเด็ก โดยเฉพาะช่วงอายุต่ำกว่า 10 ปี เนื่องจากภูมิต้านทานยังไม่แข็งแรง และมักมีพฤติกรรมที่จะชอบนำสิ่งของต่าง ๆ เช่น ของเล่น หรือมือที่ไม่สะอาดเข้าปาก หรืออาจได้รับเชื้อโดยตรงจากคนใกล้ชิดที่ป่วยแล้วไอจามโดยไม่ปิดปาก ทำให้เจ้าตัวน้อยติดเชื้อได้ง่าย
สาเหตุ ‘ต่อมทอนซิลอักเสบ’ ในเด็ก เกิดจากอะไร
โรคต่อมทอนซิลอักเสบในเด็กมักเกิดจากการติดเชื้อ ซึ่งเกิดได้จากทั้งเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย…
การติดเชื้อไวรัส เช่น เชื้อไวรัสจากหวัดธรรมดาหรือไข้หวัดใหญ่ ก็อาจทำให้เกิดอาการต่อมทอนซิลอักเสบได้ ซึ่งจะหายได้เองโดยไม่ต้องรับประทานยาฆ่าเชื้อหรือยาปฏิชีวนะ
การติดเชื้อแบคทีเรีย แบคทีเรียบางชนิด เช่น เชื้อสเตรปโตค็อกคัส เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยของต่อมทอนซิลอักเสบ ซึ่งหากสงสัยว่าลูกน้อยเป็นต่อมทอนซิลอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย คุณหมออาจสั่งยาปฏิชีวนะเพื่อให้การรักษา
เช็กอาการเจ้าตัวน้อยจะใช่ ‘ต่อมทอนซิลอักเสบ’ หรือไม่นะ?
- เป็นไข้ ปวดหัว
- มีน้ำมูก ไอเสมหะ
- เจ็บคอ ทานอาหารได้น้อยลง กลืนน้ำ กลืนข้าวลำบาก
- เด็กเล็กอาจมีอาการร้องกวน งอแง
- เมื่ออ้าปากดูจะพบว่าต่อมทอนซิลบวมแดง อาจมีจุดสีขาว หรือหนอง
- ต่อมน้ำเหลืองบริเวณลำคอโต
อาการแทรกซ้อนของโรคต่อมทอนซิลอักเสบในเด็ก
ส่วนใหญ่โรคต่อมทอนซิลอักเสบ อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นได้เองและไม่มีภาวะแทรกซ้อน เพียงแค่พักผ่อนให้เยอะ ๆ ดื่มน้ำมาก ๆ แต่การติดเชื้อบางชนิดอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ ดังนี้
- โรคไข้รูมาติก
- โรคไตอักเสบ
- การอุดตันของทางเดินหายใจได้ โดยเฉพาะต่อมทอนซิลอักเสบที่เกิดจากเชื้อไวรัส Epstein–Barr virus (EBV) ทอนซิลจะโตมากจนเบียดทางเดินหายใจทำให้ลูกน้อยหายใจลำบาก นอนกรน หรือเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับจนสะดุ้งตื่นบ่อย ๆ
- ภาวะหนองรอบทอนซิล หรือหนองบริเวณลำคอ
- การเจริญเติบโตไม่ดี มีน้ำหนักและส่วนสูงน้อยกว่าเกณฑ์ได้ เพราะต่อมทอนซิลที่เกิดการอักเสบซ้ำ ๆ จะส่งผลให้ลูกน้อย มีไข้ เจ็บคอ ทานอาหารได้น้อย คุณหมออาจพิจารณาให้ผ่าตัดทอนซิลออกในกรณีที่มีอาการอักเสบบ่อยมากกว่า 6 ครั้งใน 1 ปี หรือ 3-5 ครั้งใน 2 ปีติดต่อกัน
- ต่อมน้ำเหลืองบริเวณลำคอโต โดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรียชนิดสเตรปโตคอคคัส (Streptococcal Tonsillitis) มักทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนซึ่งมักจะเกิดตามหลังคออักเสบหรือต่อมทอนซิลอักเสบจากเชื้อเบตา สเตรปโตค็อกคัส กลุ่มเอ แล้วไม่ได้รับการรักษาภายใน 1 - 4 สัปดาห์ ดังนี้
- โรคไข้รูมาติก โดยเชื้อนี้จะทำให้เกิดการอักเสบของข้อต่าง ๆ และมักมีอาการอักเสบของหัวใจร่วมด้วย หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง หรือปล่อยให้อาการกำเริบซ้ำ ๆ จะทำให้หัวใจอักเสบเรื้อรัง หรือที่เรียกว่า "โรคหัวใจรูมาติก" ทำให้ลิ้นหัวใจตีบ หรือรั่วได้
- ไตอักเสบ ลูกน้อยจะมีอาการตัวบวม ปัสสาวะออกน้อย อาจมีปัสสาวะสีแดง และมีความดันโลหิตสูง
ดังนั้น หากคุณหมอให้การวินิจฉัยอาการ และสั่งจ่ายยาปฏิชีวนะ คุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกทานยาต่อเนื่อง 7 - 10 วัน จนครบ แม้อาการจะทุเลาแล้วก็ตาม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดไข้รูมาติก หรือไตอักเสบแทรกซ้อน
วิธีดูแลเบื้องต้นเมื่อลูกเป็น ‘ต่อมทอนซิลอักเสบ’
- เช็ดตัว ร่วมกับการให้ยาลดไข้เมื่อมีไข้สูง
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ดื่มน้ำให้เยอะ
- ทานอาหารอ่อน ๆ ทีละน้อยแต่บ่อย ๆ เนื่องจากลูกน้อยจะเจ็บคอมากทำให้ทานได้น้อย
หากลูกน้อยมีอาการไม่มาก เช่น เจ็บคอเพียงเล็กน้อย ไม่มีไข้ สามารถให้ยารักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ บรรเทาอาการปวด เจ็บคอ เช่น ยาอมแก้เจ็บคอหรืออาหารหวานเย็น อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้น
แต่หากลูกน้อยมีอาการมาก เช่น มีไข้สูง เจ็บคอ ทานอาหารได้น้อย กลืนลำบากและมีอาการขาดน้ำ หายใจลำบากและกรนมากขึ้นขณะนอนหลับ ควรรีบพาลูกน้อยไปพบแพทย์ทันที
คุณพ่อคุณแม่สามารถป้องกันไม่ให้โรคต่อมทอนซิลอักเสบแพร่กระจายไปยังคนอื่น ๆ ในครอบครัวได้โดย…
- ล้างมือให้สะอาดเป็นประจำ
- ไม่ใช้แก้วหรือช้อนส้อมร่วมกัน
- ปิดปากเมื่อไอหรือจาม และล้างมือทุกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจากคุณหมอแอน พญ.ปิยะรัตน์ เลิศบรรณพงษ์ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
วันที่สร้าง 24/10/2025










