1. ปรับความรู้ – หาความรู้เรื่องการเลี้ยงลูกแบบอัพเดทอยู่เสมอ เช่น วิธีให้นมที่ถูกต้อง การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ การเลี้ยงลูกแรกเกิด การเลี้ยงลูกในวัยต่างๆ หรือการรับมือกับโรคภัยไข้เจ็บ ความรู้คืออาวุธที่จะช่วยฟันฝ่าปัญหาให้น้อยลง และรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้ดีขึ้น
2. ปรับความรับผิดชอบ – งานเลี้ยงลูกเป็นงานที่หนักและยาวนาน ยิ่งช่วงลูกยังเล็กนั้นต้องดูแลกัน 24 ชั่วโมงทุกวันไม่มีวันหยุด การแบ่งความรับผิดชอบกันในครอบครัวจึงเป็นเรื่องที่ต้องช่วยกันปรับช่วยกันแบ่งให้ลงตัวค่ะ ไม่ให้ภาระตกหนักอยู่ที่ใครคนใดคนหนึ่ง เช่น การแบ่งกันรับผิดชอบงานบ้าน หรือการสลับกันเลี้ยงลูกเพื่อให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสพักผ่อน
3. ปรับใจ – ทันทีที่มีเจ้าตัวน้อยเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ชีวิตจะต้องจริงจังและมีความรับผิดชอบสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด ต้องเตรียมตัวเตรียมใจไว้ล่วงหน้านะคะว่าชีวิตข้างหน้าจะไม่เหมือนเดิม (แต่เป็นไปในทางที่ดีขึ้นแน่นอนค่ะ) คุณพ่อคุณแม่แทบจะไม่ได้ไปเที่ยวกันสองต่อสอง ความหวานอาจจะน้อยลง การไปเที่ยวสังสรรค์กับเพื่อนฝูงก็ลดน้อยลงไป เวลาส่วนตัวหายไปแทบจะสิ้นเชิง รวมถึงต้องรับมือกับสารพัดปัญหาของการเลี้ยงลูกทุกวัย แต่สรรพสิ่งในธรรมชาติย่อมมีการเปลี่ยนแปลงเสมออยู่แล้วค่ะ ขอแค่ปรับใจให้พร้อม และทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ปัญหาทุกอย่างก็จะผ่านพ้นไปได้ค่ะ
4. ปรับการออม – การเลี้ยงลูกนั้นมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา นับตั้งแต่ค่าหมอค่ายา ค่าทำคลอด ค่าเสื้อผ้า ค่าอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ของเล่น ค่านม ค่าอาหาร ค่าเล่าเรียน ฯลฯ เยอะแยะมากมาย แต่ไม่ต้องตกใจไปค่ะ เพราะค่าใช้จ่ายทุกอย่างไม่ได้ถาโถมเข้ามาพร้อมกันทีเดียว คุณพ่อคุณแม่ควรวางแผนเรื่องการเงินให้ดีแต่เนิ่นๆ ปรับการออมให้เหมาะสมกับรายรับและรายจ่าย วางแผนให้รอบคอบ ไม่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายไปกับเรื่องไม่จำเป็น
5. ปรับอารมณ์ – สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างการเลี้ยงลูกก็คือ การทะเลาะผิดใจกันระหว่างคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งอาจมีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากความเหน็ดเหนื่อย ความเครียด ความน้อยใจ ความวิตกกังวล ฯลฯ สิ่งที่ต้องระวังคือ การกระทบกระทั่งเล็กๆน้อยๆประจำวันอาจสะสมจนบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาได้ คำแนะนำคือ ใช้ความเข้าใจเป็นที่ตั้ง เอาใจเขามาใส่ใจเรา พูดคุยกันดีๆ ตรงไปตรงมาโดยใช้เหตุผลเป็นที่ตั้ง ปรับอารมณ์ให้เย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ เรื่องหนักจะได้กลายเป็นเบา อยู่ด้วยกันด้วยความสบายใจนะคะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.primermagazine.com และ http://www.huffingtonpost.com