วิธีรับมือโรคในหน้าร้อนของลูกน้อย

ในช่วงหน้าร้อนแบบนี้ ลูกน้อยมีโอกาสเกิดการเจ็บป่วยได้จากโรคต่างๆหลายชนิด คุณหมอจะมาแนะนำวิธีการดูแลรักษาตัวเบื้องต้น ในโรคที่พบบ่อยในฤดูนี้กันนะคะ

1. โรคอุจจาระร่วง ท้องเสีย ลำไส้อักเสบ อาหารเป็นพิษ
   เนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นในหน้าร้อน อาจทำให้อาหารเกิดการบูดเน่าได้เร็วกว่าปกติและ มีเชื้อแบคทีเรียปนเปื้อนได้ง่าย หรือการที่มีน้ำสะอาดไม่เพียงพอทำให้เตรียมอาหาร หรือการที่ไม่ได้ล้างมืออย่างสม่ำเสมอ สาเหตุต่างๆเหล่านี้ ทำให้เชื้อโรคผ่านเข้าไปสู่ร่างกายทำให้ลูกน้อยมีอาการไข้ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสียถ่ายเหลวเป็นน้ำหรืออาจมีมูกเลือด ร่างกายอ่อนเพลีย ขาดน้ำ
   การป้องกัน รับประทานอาหารที่ปรุงสุกสะอาด, ปรุงใหม่และไม่ค้างไว้, ไม่รับประทานอาหารหรือน้ำแข็งตามร้านข้างทางที่ดูไม่สะอาด, หมั่นล้างมืออยู่เสมอโดยเฉพาะก่อนและหลังรับประทานอาหาร
   การรักษาเบื้องต้น ทานยาลดไข้เมื่อลูกมีไข้, รับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม ซุปใส ขนมปัง, รับประทานน้ำและน้ำเกลือแร่ให้เพียงพอ, งดนม ผัก ผลไม้ และควรไปพบแพทย์ถ้ามีอาการอาเจียนมาก ถ่ายเหลวมาก อุจจาระมีมูกเลือด อ่อนเพลีย ไม่มีแรง และปัสสาวะน้อยลง
    
2. โรคผิวหนัง ผดร้อน เชื้อราที่ผิวหนัง
   อากาศที่ร้อนชื้นในฤดูทำให้ลูกน้อยมีเหงื่อออกมาก และบางครั้งต่อมเหงื่ออาจเกิดการอุดตันทำให้เกิดเป็นผดร้อนตุ่มแดงคันตามร่างกาย และเมื่อผิวอับชื้นเป็นเวลานานก็อาจให้เกิดการติดเชื้อราที่ผิวหนังตามมา ทำให้เกิดอาการคันที่ผิวหนัง เมื่อมีการแกะเกาก็อาจทำให้เกิดเป็นแผล ติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังได้
   การป้องกัน หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ร้อนจัดเป็นเวลานาน, อาบน้ำเป็นประจำ, เลือกใส่เสื้อผ้าที่โปร่งสบาย ไม่อับทึบ, เลือกใช้ผ้าอ้อมที่บางเบา ซึมซับได้ดี และระบายอากาศที่ผิวสัมผัสได้ดี, เปลี่ยนผ้าอ้อมบ่อยๆเมื่อต้องออกข้างนอกและมีอากาศร้อนจัด, ทาครีมป้องกันผื่นผ้าอ้อมทุกครั้ง, พยายามไม่แกะเกาเพราะจะทำให้เกิดแผล
   การรักษาเบื้องต้น ประคบเย็นหรืออยู่ในที่ที่มีอากาศเย็น, ทาครีมมอยซ์เจอไรเซอร์, งดใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปเป็นบางช่วงเพื่อให้ผิวแห้งมีอากาศถ่ายเท, ไปพบแพทย์เมื่อผื่นไม่ดีขึ้นใน 2-3 วันหรือผื่นกระจายมากขึ้น คันมากขึ้น หรือมีแผลอักเสบ ปวด บวม แดง
    
3. โรคหวัด
   ในหน้าร้อน ลูกน้อยก็ยังมีโอกาสที่จะป่วยจากหวัดได้บ่อย เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของอากาศอย่างมากระหว่างในห้องแอร์ที่มีอากาศเย็นและอากาศข้างนอกที่ร้อนจัด, การแช่น้ำ หรือเล่นน้ำที่บ่อยมากขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศร้อน  ทำให้ลูกน้อยเกิดอาการไข้ ไอจาม และมีน้ำมูก
   การป้องกัน หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีคนแออัด, ไม่แช่น้ำ หรือเล่นน้ำบ่อยและนานจนเกินไป, พักผ่อนให้เพียงพอและเข้านอนแต่หัวค่ำ
   การรักษาเบื้องต้น ทานยาลดไข้เมื่อลูกมีไข้, ทานยาลดน้ำมูก แก้ไอ, ล้างจมูกถ้าน้ำมูกเหนียวค้างข้างในทำให้หายใจไม่สะดวก และควรไปพบแพทย์ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นใน 2-3 วัน
    
4. โรคพิษสุนัขบ้า
   เกิดจากการถูกสัตว์เช่น สุนัข, แมว ที่มีเชื้อโรคพิษสุนัขบ้ากัด ข่วน หรือโดนน้ำลายกระเด็นเข้าที่แผล ซึ่งจะมีอาการเริ่มต้นภายใน 2-8สัปดาห์ โดยจะมีอาการปวดเมื่อยตามตัว มีไข้ คันบริเวณที่ถูกกัด ต่อมาจะเริ่มหงุดหงิด กระสับกระส่าย ตื่นเต้นและไวต่อสิ่งรอบตัว ไม่ชอบแสง ไม่ชอบลม มีน้ำลายไหล กล้ามเนื้อเกร็งและกระตุก ต่อมาจะเริ่มเพ้อ คลั่ง ชัก กลัวน้ำ หมดสติ และเสียชีวิตในที่สุด และในปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษา
   การป้องกัน ฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าให้ตนเองและสัตว์เลี้ยงในบ้าน, ไม่เข้าใกล้หรือเล่นกับสุนัขที่ไม่คุ้นเคย
   การรักษาเบื้องต้น หากถูกสัตว์เลี้ยงกัดให้รีบล้างแผลด้วยสบู่และน้ำสะอาด เช็ดให้แห้ง แล้วรีบไปพบแพทย์
    
5. โรคลมแดด
   เนื่องจากอากาศที่ร้อนจัดจะทำให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบไปยังระบบ การเต้นของหัวใจ และระบบหลอดเลือดได้ อาการของโรคลมแดดคือจะมีอาการเริ่มตัวร้อน ชีพจรเต้นเร็วแรง หิวน้ำบ่อยๆ และหายใจกระชั้นถี่ และอาจมีผื่นแดงๆ ตามร่างกาย ถ้าอุณหภูมิร่างกายยังสูงขึ้นและไม่ได้รับการแก้ไขลูกอาจลมหมดสติ และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
   การป้องกัน วันที่อากาศร้อนจัด พยายามให้ลูกทาน น้ำเยอะๆ อย่างน้อย 8-10 แก้ว, ใส่เสื้อผ้าบางๆ, สวมหมวกป้องกันแสงแดด จำกัดเวลาการเล่นกลางแจ้งตอนที่แดดแรงจัดๆ
   การรักษาเบื้องต้น รีบพาเข้าไปในที่ร่มที่อากาศถ่ายเทสะดวก ถอดเสื้อออกเพื่อให้ความร้อนระบายได้สะดวกขึ้น ให้นอนหงาย ขายกสูงเพื่อให้ระบบการไหลเวียนของเลือดคล่องตัวมากขึ้น ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเช็ดตัวให้ลูกน้อยเพื่อช่วยลดอุณหภูมิให้เย็นลง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก คุณหมอแอน พญ.ปิยะรัตน์ เลิศบรรณพงษ์ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ