ลูกท้องผูก คุณแม่ช่วยได้ มาทำความเข้าใจอาการและป้องกันไว้ก่อน

ลูกท้องผูก คุณแม่ช่วยได้ มาทำความเข้าใจอาการและป้องกันไว้ก่อน ลูกท้องผูก คุณแม่ช่วยได้ มาทำความเข้าใจอาการและป้องกันไว้ก่อน ลูกท้องผูก คุณแม่ช่วยได้ มาทำความเข้าใจอาการและป้องกันไว้ก่อน

          อาการท้องผูกในเด็ก เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่พบได้มากในเด็กเล็กตั้งแต่อายุ 6 เดือน – 4 ปี เรียกได้ว่าเป็นอาการยอดฮิตที่หนูน้อยแทบทุกคนต้องเคยผ่านกันมาบ้าง เมื่อลูกเกิดอาการท้องผูก คุณพ่อคุณแม่อาจรู้สึกกลุ้มใจไม่น้อย เพราะการขับถ่าย ถือเป็นเรื่องสำคัญที่มีผลต่อพัฒนาการและสภาพร่างกายของลูก นอกจากนี้ เมื่อมีอาการท้องผูกขึ้นมา เจ้าตัวน้อยก็อาจจะยังไม่สามารถกินอาหารที่ช่วยบรรเทาอาการหรือบอกความรู้สึกได้ เพื่อหลีกเลี่ยงความหนักใจกับปัญหาท้องผูกของลูก เรามาทำความเข้าใจอาการและป้องกันไว้ก่อนดีกว่าค่ะ

 

อาการท้องผูก

          คุณพ่อคุณแม่สังเกตได้จากการขับถ่ายของลูกน้อย หากลูกถ่ายอุจจาระถี่น้อยลง ไม่ถ่ายทุกวัน โดยอุจจาระยังคงเป็นเนื้อนิ่มและไม่มีอาการอื่นใด ก็ไม่ต้องกังวลว่าลูกจะท้องผูกค่ะ เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงของการถ่ายอุจจาระชั่วคราว

          แต่ถ้ามีอาการท้องผูก ลูกจะถ่ายอุจจาระได้ลำบาก อาจมีอาการเจ็บปวดขณะเบ่งถ่าย หรืออยากถ่ายแต่ถ่ายไม่ออก ถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เมื่ออุจจาระออกมามีลักษณะเป็นก้อนแข็ง หรือมีลักษณะเป็นเหมือนเม็ดกระสุนเล็กๆ แข็งๆ ในกรณีที่อาการหนัก อาจมีแผลที่ก้นหรือมีเลือดปนกับอุจจาระอีกด้วย ถ้าปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้ลูกมีอาการปวดท้อง ท้องอืด เบื่ออาหาร เจ็บเวลาถ่าย ตามมาได้

 

สาเหตุที่ทำให้เกิดท้องผูก

          อาการท้องผูกนั้นเกิดได้จากหลากหลายปัจจัย ส่วนมากมักเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการกินอาหารที่ไม่ถูกสัดส่วน

          สำหรับทารกที่ไม่ได้กินนมแม่ ก็จะมีอาการท้องผูกได้ง่าย เพราะนมแม่ย่อยและดูดซึมได้ง่ายกว่านมผง เนื่องจากส่วนผสมในนมบางชนิดอาจมีการดัดแปลง มีอาหารเสริมบางอย่าง หรือมีอัตราส่วนของคาร์โบไฮเดรต และโปรตีนในนมผสมที่สูงกว่าปกติ จึงส่งผลให้ลูกท้องผูกได้ง่าย

          สำหรับเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไปที่กินอาหารเสริมมากขึ้น การท้องผูกอาจเกิดจากลูกดื่มน้ำน้อยเกินไป ไม่ยอมกินอาหารที่มีเส้นใย หรือในบางกรณี หากลูกได้รับการฝึกขับถ่ายเร็วเกินอายุ 1 ปีครึ่ง ลูกอาจเกิดความเครียด เพราะรู้สึกว่าถูกบังคับให้ทำอะไรซักอย่าง ลูกจะต่อต้าน และจะกั้นอุจจาระและปัสสาวะไว้ จนอาจเกิดผลเสียในระยะยาวได้ค่ะ

 

วิธีแก้ไขอาการท้องผูกตามช่วงวัย

  • สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 4 เดือน

ถ้าลูกท้องผูกในช่วงที่ยังเป็นทารกอยู่ ควรให้ลูกกินนมแม่อย่างเพียงพอค่ะ เพราะในน้ำนมแม่มีสารอาหารที่ดีสำหรับลูกน้อย ทำให้ระบบขับถ่ายของลูกเป็นไปอย่างปกติ แต่ถ้าไม่สามารถให้ลูกกินนมแม่ได้ ก็ใช้วิธีผสมน้ำลูกพรุนลงไปในนมผงประมาณ 1 ช้อนชา ให้กินเฉพาะวันที่ลูกท้องผูก หรือให้ดื่มน้ำมากกว่าเดิมประมาณ 4 ออนซ์ ก็ช่วยให้ลูกขับถ่ายดีขึ้นได้ค่ะ

  • สำหรับเด็กอายุ 4 เดือนขึ้นไป

ในช่วงอายุ 4 เดือนขึ้นไป กระเพาะอาหารของลูกจะทำงานได้ดีขึ้นสามารถให้ลูกทานอาหารเสริมได้บ้าง แต่ไม่ควรมากเกินไป เพราะอาหารหลักของลูกยังเป็นนมอยู่ อาหารเสริมที่จะช่วยให้ลูกขับถ่ายได้ดีขึ้นคือ ลูกพรุนบด 2 ช้อนชา หรือ น้ำลูกพรุน

  • สำหรับเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป

เป็นช่วงที่ลูกเริ่มปรับมากินอาหารเสริมมากขึ้น สำหรับเด็กท้องผูก คุณพ่อคุณแม่ควรเน้นให้ลูกกินผักผลไม้ที่มีกากใยสูง น้ำผลไม้คั้นเอง แล้วให้ลูกดื่มน้ำมากขึ้น ค่ะ

  • สำหรับเด็กที่มีอายุ 2-3 ปีขึ้นไป

ให้ลดอาหารที่ทำมาจากนมเนย เพราะอาหารเหล่านี้มีไขมันสูงสามารถทำให้ท้องผูกได้ และเด็กในช่วงวัยนี้สามารถฝึกการขับถ่ายได้แล้ว คุณพ่อคุณแม่จึงสามารถฝึกให้ลูกคุ้นเคยกับการขับถ่ายเป็นเวลาได้เลยค่ะ

          สิ่งหนึ่งที่ควรใส่ใจในช่วงที่ลูกท้องผูกก็คือ สุขอนามัยของลูกน้อย เพราะเมื่อลูกท้องผูก คุณพ่อคุณแม่อาจเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกน้อยลง เพราะคิดว่าผ้าอ้อมยังไม่เลอะ แต่ในความเป็นจริง แม้ลูกจะไม่ได้อุจจาระ ก็ควรเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ทุกๆ 2-3 ชั่วโมง เพื่อลดความอับชื้นระคายเคืองจากเหงื่อและปัสสาวะ คุณพ่อคุณแม่จึงควรตรวจเช็กและเปลี่ยนผ้าอ้อมเป็นประจำ เพื่อความสะอาดสบายตัวของลูกน้อยค่ะ

 

น้ำผลไม้ ตัวช่วยแก้ท้องผูก

          วิธีการแก้ปัญหาท้องผูกในเด็กที่นิยมกันมาก คือ การให้ลูกกินผลไม้บดหรือดื่มน้ำผลไม้

          น้ำผลไม้โดยทั่วไปจะมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักประมาณ 90% (แล้วแต่ชนิด) ซึ่งสามารถช่วยการขับถ่ายได้ แต่คุณพ่อคุณแม่ต้องตระหนักว่า น้ำผลไม้มีส่วนประกอบของน้ำตาลเยอะเช่นกัน จึงมีส่วนทำให้เด็กติดรสหวาน หรือเป็นสาเหตุให้เกิดฟันผุ ทั้งนี้ ด้วยรสอร่อยของน้ำผลไม้ ก็อาจทำให้ลูกกินเยอะเกินไป ทำให้เกิดอาการท้องเสียแทนได้

          วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยลดน้ำตาลในน้ำผลไม้ ก็คือการผสมน้ำสะอาดกับน้ำผลไม้ก่อนทาน โดยอาจจะเริ่มจากน้ำผลไม้ 25% และ น้ำเปล่า 75% แล้วปรับตามความเหมาะสม โดยทั่วไปแล้วจะแนะนำได้เด็กๆ ทานน้ำผลไม้ตามช่วงอายุ ดังนี้

  • 6-12 เดือน 120 มิลลิลิตรต่อวัน
  • 1-3 ขวบ 180 มิลลิลิตรต่อวัน        

          ทั้งนี้ สารอาหารที่ได้จากน้ำผลไม้ย่อมน้อยกว่าผลไม้บด เพราะเนื้อและเปลือกผลไม้ เป็นส่วนที่เก็บสารอาหารไว้ และหลังจากกินเข้าไป เนื้อผลไม้ยังช่วยให้การย่อยและการดูดซึมน้ำตาลได้ช้าลงอีกด้วย จึงขอแนะนำให้ลูกกินผลไม้บดมากกว่าค่ะ โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถทำให้ลูกกินได้เอง โดยเลือกผลไม้ที่มีกากใยสูง สามารถบดได้ง่าย ราคาไม่แพง และหาซื้อได้ทั่วไป เช่น มะม่วงสุก มะละกอสุก และแอปเปิ้ล โดยแอปเปิ้ลควรนำไปนึ่งให้นิ่มก่อนนำมาบด จะช่วยให้ลูกกินง่ายขึ้น

 

          อาการท้องผูกเป็นปัญหาที่แก้ไม่ยากค่ะ เพียงแต่คุณพ่อคุณแม่จะต้องคอยสังเกตอาการและการขับถ่ายของเจ้าตัวน้อย หากลูกมีอาการผิดปกติจะต้องรีบช่วยเหลือโดยเร็ว ไม่ควรปล่อยให้ลูกท้องผูกนานๆ อาจส่งผลเสียต่อร่างกายของลูกและทำให้หาทางแก้ไขได้ลำบากยิ่งขึ้น ในกรณีที่ลูกมีอาการท้องผูกเรื้อรังหรือแก้ไม่หาย คุณพ่อคุณแม่ควรรีบพาลูกไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและรักษาโดยด่วนค่ะ

 

ขอขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ http://www.pthaigastro.org และ http://www.maerakluke.com

ติดตามเราได้ที่ :

Facbook Babylove Youtube Babylove IG Babylove subscribe

บริษัท ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

© 2016 DSG International (Thailand) PLC. All rights reserved.